การประยุกต์ใช้สื่อโสตทัศน์เพื่อการศึกษา
(AV)
เป็นสื่อที่ผู้รับสามารถรับได้ทั้งภาพ
และหรือเสียง สื่อโสตทัศน์ แบ่งได้เป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นสื่อวัสดุ และส่วนที่เป็น สื่ออุปกรณ์ สื่อวัสดุอาจจะสามารถใช้ได้ด้วยตัวเองโดยตรง
เช่น ภาพวาด แบบจำลอง หรือของตัวอย่าง หรืออาจต้องนำไปใช้ร่วมกับสื่ออุปกรณ์ เช่นเทปบันทึกเสียง
เทปวีดีทัศน์ ฟิล์ม ภาพยนตร์ แผ่นดิสเก็ต แผ่นซีดีรอม เป็นต้น
ส่วนที่เป็นสื่ออุปกรณ์ ได้แก่ เครื่องเล่นเทปบันทึกเสียง เครื่องเล่นวีดีทัศน์
เครื่องฉายภาพยนตร์ และเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยภาพรวมแล้ว
สื่อโสตทัศน์มีข้อดีคือมีความน่าสนใจ เป็นสื่อที่คงทนถาวร นำมาใช้ได้บ่อยครั้ง
และสามารถคัดลอกเพื่อนำไปใช้ที่อื่นได้ง่าย
แต่มีข้อจำกัดคือต้องใช้อุปกรณ์ซึ่งบางประเภทมีราคาแพง และต้องมีความรู้ในการใช้
และจำเป็นต้องใช้
ระบบการฉาย
เครื่องฉายภาพทึบแสง
(Cpaqua Projector)
เป็นเครื่องที่สามารถใช้ในการ
presentงาน
โดยเฉพาะการสอน แทนเครื่องฉายภาพทึบแสงโดยทั่วไป การควบคุมและการปรับความคมชัด
สามารถปรับได้จาก กล้อง ระยะกล้อง และปุ่มปรับตัวคมชัด มีสวิตช์เลือกอินพุตในการนำเสนอจากคอมพิวเตอร์
และจากกล้องในกรณีการสอนที่ใช้สื่อผสม และแสดงผลโดยต่อกับโทรทัศน์ และVideo
Projector
เครื่องฉายภาพทึบแสงที่มีต่อการเรียนการสอน
สามารถฉายวัสดุทึบแสงได้ตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงขนาด 10x10 นิ้ว ให้ภาพขนาดใหญ่ชัดเจนมีสีสันเหมือนต้นฉบับในห้องที่มืดสนิท ใช้ขยายภาพให้มีขนาดใหญ่
เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการวาด เช่น การขยายแผนที่ และขยายภาพเล็ก ๆ จากหนังสือ
หรือจากที่อื่น ๆ ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น นำผลงานของผู้เรียนมาวิเคราะห์หรือให้ดูพร้อมกันทั้งชั้นได้สะดวก
ใช้ฉายวัสดุที่ไม่ต้องการให้ผู้ชมจับต้องมากนัก เพราะอาจทำให้ชำรุด เสียหาย เช่น ตัวอย่างแร่
หิน หนังสือพิมพ์เก่าแก่ หรือของในพิพิธภัณฑ์สามารถฉายให้เห็นรายละเอียดของเส้นด้าย
ผ้า
หรือเยื่อของวัสดุฉายให้ผู้เรียนได้เห็นรูปร่างลักษณะของเครื่องมือที่มีขนาดไม่ใหญ่โต
มากนัก ใช้สอนได้ทุกวิชาและทุกระดับชั้น
การติดตั้ง
1. ตั้งเครื่องฉายภาพทึบแสงบนโต๊ะหรือแท่นวางโดยให้เลนส์ฉายหันไปทางจอภาพ
ระวังอย่าตั้งเครื่องฉายในด้านของพัดลมระบายอากาศชิดผนังหรือวัตถุอื่นเพราะจะทำให้ไม่สามารถระบายความร้อนได้
2.
ตรวจสอบสวิตช์หลอด O (Stand By ) ฉายว่าอยู่ในตำแหน่ง
3.
เสียบสายปลั๊กเครื่องฉายเข้ากับเต้าเสียบ กดสวิตช์หลอดฉายให้อยู่ในตำแหน่ง NORMAL
4.
ปิดไฟในห้องให้มืดสนิท
ขั้นตอนการใช้เครื่องฉายวัสดุทึบแสง
1. ตั้งเครื่องฉายบนโต๊ะหรือขาตั้งที่แข็งแรงและสามารถเคลื่อนย้ายได้
2.วางวัสดุฉายบนแท่นซึ่งอยู่ด้านล่างส่วนหลังของเครื่องฉาย
โดยให้หัวของวัสดุฉายหรือภาพหันเข้าหาผู้ฉาย
ซึ่งผู้ฉายจะอยู่ด้านหลังของเครื่องฉาย
3.ปรับคันบังคับแท่นวางวัสดุฉายให้แนบสนิทกับตัวเครื่องจึงจะได้ภาพชัดเจนทั่วทั้งภาพ
4.
เสียบปลั๊กไฟเอ ซี และเปิดฝาครอบเลนส์ฉาย
5.
เปิดสวิตช์พัดลมและปิดไฟภายในห้องฉายให้มืดสนิท
6.
เปิดสวิทซ์หลอดฉาย
ถ้าไม่ปรากฏภาพบนจออาจเกิดจากความมึกในห้องไม่เพียงพอหรือระยะห่างจากเครื่องฉายกับจอไม่เหมาะสม
ควรเลื่อนเครื่องฉายเข้าหาหรือออกห่างจนกว่าจะได้ภาพชัดเจนหรืออาจจะลืมเปิดฝาครอบเลนส์ก็ได้
7.
ปรับขยาดของภาพบนจอ
ถ้าต้องการภาพขนาดใหญ่ขึ้นให้เลื่อนฉายออกห่างจอแต่ถ้าต้องการภาพขนาดเล็กลงก็เลื่อนเครื่องเข้าใกล้จอ
8.
ปรับปุ่มคุมความชัดของภาพ
9.
ปรับปุ่มควบคุมลูกศร เพื่อชี้ส่วนต่าง ๆ ของภาพ
10.
เมื่อใช้เครื่องฉายนานๆ ควรหยุดพักเครื่องสักระยะหนึ่ง
เพราะความร้อนจากหลอดฉายอาจทำให้วัสดุฉายชำรุดเสียหายได้
11.
เมื่อใช้งานเสร็จแล้ว ปิดสวิตซ์หลอดฉายทันที
แต่ยังคงเปิดสวิตซ์พัดลมให้ทำงานต่อไป
ในช่วงเวลานี้ไม่ควรเคลื่อนย้ายเครื่องฉายจนกว่าหลอดฉายจะเย็น จึงปิดสวิตซ์พัดลม
12.
เก็บวัสดุฉายโดยควบคุมที่หมุนแท่นวางวัสดุฉายหรือควยคุมคันปรับแท่นวางวัสดุ
เครื่องฉายภาพข้ามศีรษะ
เครื่องฉายภาพข้ามศีรษะ เป็นเครื่องฉายที่จัดอยู่ในระบบฉายอ้อม
ใช้สำหรับฉายภาพ วัสดุ หรือเครื่องมือที่โปร่งใส
โดยเขียนข้อความหรือวาดภาพบนแผ่นโปร่งใส โดยทั่วไปจะมีคุณลักษณะเฉพาะของเครื่องฉาย
ดังนี้
1.ใช้สอนได้ทุกวิชา
เพราะใช้แทนกระดานชอล์กได้
2.ห้องฉายไม่จำเป็นต้องควบคุมแสงสว่างมากนัก
ห้องเรียนธรรมดาก็ฉายได้ผู้เรียน สามารถเห็นภาพบนจอได้ชัดเจน
3.เครื่องฉายมีน้ำหนักเบา
ใช้และบำรุงรักษาง่าย
4.สามารถตั้งไว้หน้าชั้นหรือที่โต๊ะบรรยาย
เวลาสอนหรือบรรยาย ในขณะที่ใช้เป็นการ
สะดวกในการสังเกตความสนใจของผู้เรียนเพื่อจะได้ปรับปรุงการสอนได้อย่างเหมาะสม
5.ประหยัดเวลาในการวาดรูปหรือเขียนคำอธิบาย ผู้สอนสามารถวาด
หรือเขียนบนแผ่นโปร่งใสมาก่อนล่วงหน้า ทำให้การเรียนการสอนเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและสะดวกต่อผู้สอน
หรือเขียนบนแผ่นโปร่งใสมาก่อนล่วงหน้า ทำให้การเรียนการสอนเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและสะดวกต่อผู้สอน
ข้อแนะนำในการใช้เครื่องฉายภาพข้ามศีรษะ
1.ใช้วัสดุปลายแหลม
เช่น ปลายปากกา หรือแผ่นพลาสติกทำเป็นปลายลูกศร
ชี้ข้อความหรือภาพบนแผ่นโปร่งใสประกอบการบรรยาย อย่าใช้นิ้วในการชี้อย่างเด็ดขาด
2.ใช้กระดาษวางทับบนแท่นฉายขณะเปลี่ยนแผ่นโปร่งใสเพื่อมิให้มีแสงปรากฏบนจอภาพเปล่า
ซึ่งจะทำให้ผู้ดูเสียสายตา
3.อย่าวางแผ่นโปร่งใสบนแท่นฉายนานเกินควรขณะบรรยาย
หากใช้แผ่นโปร่งใสนั้นแล้วและยังไม่ใช้แผ่นต่อไป ให้ปิดไฟหลอดฉายก่อน
เพื่อถนอมอายุหลอดไฟในการใช้งาน หากมีแผ่นกระดาษปิดด้านหน้าแผ่นโปร่งใสในการเก็บรักษา เมื่อนำแผ่นโปร่งใสนั้นมาใช้ต้องระวัง ไม่ให้แผ่นกระดาษนั้นห้อยบังพัดลมระบายความร้อนของเครื่อง
เพราะจะทำให้ไม่สามารถระบายความร้อนได้เต็มที่ซึ่งจะทำให้หลอดฉายร้อนเกินไปและหลอดขาดได้
การผลิตแผ่นใส
วิธีการเขียนลงบนแผ่นใส (Direct Drawing Method) เป็นวิธีการที่ง่ายที่สุด
โดยการใช้ ปากกาเขียนแผ่นใสเขียนลงบนแผ่นพลาสติก
ซึ่งผู้สอนไม่ว่าจะผลิตแผ่นใสวิธีใดก็ตาม ควรคำนึงถึงเรื่องต่อไปนี้
1.ผู้สอนควรทำแผ่นใสในแนวนอนเพราะทำให้ฉายได้สะดวกและมองเห็นได้ดี
2.ผู้สอนควรออกแบบให้น่าสนใจ ไม่ซับซ้อน
3.แผ่นใสหนึ่งแผ่นควรนำเสนอเพียงมโนมติเดียว ถ้าเป็นภาพก็ประมาณ 3-4 ภาพ
เพื่ออธิบายมโนมตินั้น
4.เขียนเฉพาะข้อความที่จำเป็นเท่านั้น
5.เขียนให้อ่านง่าย
6.ถ้ามีเนื้อหาซับซ้อนให้ใช้การซ้อนภาพ (Overlay) โดยเพิ่มคำหรือข้อมูลลงบนแผ่นใสหลายแผ่นแล้ววางซ้อนกันไปเรื่อย
ๆ แต่ก็ไม่ควรมากเกินไป
เครื่องฉายสไลด์
หลักการทำงานของเครื่องวิชวลไลเซอร์จะเป็นการใช้กล้องถ่ายภาพของวัตถุเพื่อแปลงเป็น
สัญญาณไฟฟ้าก่อนที่จะแปลงกลับเป็นสัญญาณภาพอีกครั้งหนึ่ง การเสนอภาพนิ่งจะเป็นการวางวัสดุฉายลงบนแท่นฉายเพื่อให้กล้องที่อยู่เหนือแท่นฉายจับภาพวัสดุ
โดยสามารถใช้ฉายได้ทั้งวัสดุทึบแสง เช่น ภาพและข้อความบนสิ่งพิมพ์ วัสดุ
3 มิติ วัสดุกึ่งโปร่งแสงและโปร่งใส
เช่น ฟิล์มสไลด์และแผ่นโปร่งใส
ประโยชน์ของเครื่องวิชวลไลเซอร์
การใช้เครื่องวิชวลไลเซอร์ในการเรียนการสอนมีประโยชน์ดังนี้
1.สามารถใช้ในการเสนอวัสดุได้ทุกประเภททั้งวัสดุทึบแสง
วัสดุ 3 มิติ
รวมถึงวัสดุกึ่งโปร่งแสง และวัสดุโปร่งใส
2.ใช้เป็นกล้องโทรทัศน์วงจรปิดเพื่อเสนอภาพวัตถุและการสาธิตภายในห้องเรียน
3.ให้ภาพที่ชัดเจน สามารถขยายภาพและข้อความจากสิ่งพิมพ์ให้อ่านอย่างทั่วถึง
4.สามารถใช้กล้องตัวรองเป็นกล้องวีดิทัศน์เคลื่อนที่ได้
การใช้เครื่องฉายสไลด์
1.ใส่สไลด์ลงในถาดกลมหรือกล่องสี่เหลี่ยม
โดยให้ด้านมันหันเข้าหาหลอดฉายและให้ภาพอยู่ในลักษณะหัวกลับ
2.นำถาดหรือกล่องหรือกลักที่บรรจุสไลด์เรียบร้อยแล้วใส่หรือวางบนเครื่องฉาย 3.เสียบปลั๊กไฟจากตัวเครื่องกับแหล่งจ่ายไฟ
(บางเครื่องพัดลมจะทำงานทันที)
4.ปิดหรือหรี่ไฟในห้องฉาย
5.เปิดสวิตช์พัดลมและสวิตช์หลอดฉาย
6.ปรับความชัดและขนาดของภาพที่ปรากฏบนจอตามต้องการ
7.ปรับระดับสูงต่ำของภาพ
8.เปลี่ยนสไลด์ภาพต่อไปตามลำดับที่ได้เตรียมมา
9.เมื่อใช้สไลด์เสร็จแล้วควรปิดสวิตช์หลอดฉายทันที
ปล่อยให้พัดลมทำงานต่อไปจนกว่าหลอดฉายจะเย็นจึงเปิดสวิตช์พัดลม
การติดตั้งจอ
การตั้งจอที่ดีต้องตั้งให้พื้นผิวของจอทำมุมฉากกับลำแสงที่ฉายจากเครื่องฉาย
เพื่อป้องกันการบิดเบี้ยวของภาพ (Distortion) การติดตั้งจอที่ใช้ฉายในห้องเรียน
เพื่อสะดวกอาจจะตั้งไว้หน้าชั้นเรียน โดยใช้จอที่มีระบบม้วนเก็บเองโดยอัตโนมัติ
เมื่อจะใช้ก็ดึงลงมา และปล่อยขึ้นจอจะม้วนเก็บเอง
ในห้องเรียนควรติดตั้งจอให้ผู้เรียนสามารถมองเห็นภาพจากการฉายได้
ทั่วทุกคน และควรจัดที่นั่งให้สมดุลกับมุมสะท้อนแสงของจอด้วย การจัดที่นั่งผู้ดูจะต้องคำนึงถึงขนาดของจอ
โดยให้ผู้นั่งแถวหน้าห่างจากจอไม่น้อยกว่า 2 เท่าความกว้างของจอ
เช่น ถ้าจอกว้าง 40 ฟุต ผู้ดูแถวหน้าต้องนั่งห่างจากจอ 80
ฟุต เป็นอย่างน้อย และผู้ดูแถวหลังสุดต้องห่างจอไม่เกิน 6 เท่าของความกว้างของจอ ถ้าจอกว้าง 30 ฟุต
แถวหลังสุดควรห่างจากจอไม่เกิน 180 ฟุต
ห้องฉาย (Projection Room)
สิ่งสำคัญในการควบคุมห้องฉาย มี 3 ประการคือ
1.ควบคุมแสงสว่าง การใช้เครื่องฉายต้องอาศัยห้องที่ควบคุมแสงไม่เท่ากัน
เช่น เครื่องฉายภาพทึบแสงจำเป็นต้องฉายในห้องมืดสนิท ส่วนเครื่องฉายภาพยนตร์
เครื่องฉายสไลด์ ใช้ห้องที่มีความมืดมากน้อยลงตามลำดับ
และเครื่องฉายที่สามารถฉายได้ในห้องที่ไม่มืดมากนักหรือห้องเรียนธรรมดาที่สว่างก็คือเครื่องฉายภาพข้ามศีรษะ
2.ระบบเสียง ห้องฉายที่ดีควรจะติดอะคูสติคบอร์ด (Acoustic Board) เพื่อป้องกันเสียงและทำให้เสียงไพเราะน่าฟังขึ้นอีกมาก
การติดตั้งลำโพงในห้องฉายควรติดตั้งลำโพงในระดับหูของผู้ดู
3.ระบบการระบายอากาศ
ห้องฉายที่ดีควรจะมีระบบอากาศที่ดีทำให้ผู้ดูสามารถที่จะอยู่ในห้องฉายได้อย่างสบาย
ไม่ร้อนหรืออึดอัดเกินไป ระบบระบายอากาศจะใช้พัดลมหรือเครื่องปรับอากาศก็ได้
สิ่งที่ควรคำนึงในการจัดห้องฉาย
1.ควรจัดที่นั่งผู้ดูไม่ให้บังกัน
โดยจัดแต่ละแนวให้สูงต่ำลดหลั่นกันเป็นแบบอัฒจันทร์
แต่จะต้องไม่ทำให้ชันเกินไปจนน่าจะเป็นอันตรายแก่ผู้ดู
2.เครื่องฉายควรตั้งอยู่แถวหลังของผู้ดู
และสูงพอที่ผู้ดูจะไม่บังแสงจากเครื่องที่ส่องสว่างไปยังจอภาพ
เพราะการที่ผู้ดูบังลำแสงจะปรากฏเงาบนจอบางส่วนหรือทั้งหมด
รุจโรจน์ แก้วอุไร.//(Web Based
Instruction).//เทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา,วันที่สืบค้น
จงดี กากแก้ว.//(บทเรียนการสอนผ่านเว็บวิชานวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษา).//บทเรียน
การสอนผ่านเว็บวิชานวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษา,วันที่สืบค้น 2 สิงหาคม 2555.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น